จากนี้ไปอาหารเสริมซึ่งก็คืออาหารชนิดต่างๆ
ที่ลูกจะได้รับนอกเหนือไปจากนมแม่ต้องเข้ามามีบทบาทในการกินของลูกแล้ว
เพื่อให้ร่างกายของลูกได้รับสารอาหารครบถ้วนและเพียงพอต่อการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกายและสมอง
ซึ่งในวัย 1-3 ขวบเป็นช่วงเวลาที่สมองและร่างกายเจริญเติบโต มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว การดูแลเรื่องอาหารเป็นความสำคัญอย่างหนึ่ง
การขาดสารอาหารบางชนิดจะส่งผลต่อตัวลูก
โดยเฉพาะธาตุเหล็กจะส่งผลเสียต่อพัฒนาการของลูกต่อเนื่องไปในอนาคตได้
ในช่วงนี้น้ำหนักของลูกจะเพิ่มขึ้นเดือนละ
400-500 กรัม นับว่าลูกโตขึ้นอย่างรวดเร็วมาก
สารอาหารที่ได้จากน้ำนมแม่เพียงอย่างเดียวเหมือนที่ผ่านมา หรืออาจมีการเพิ่มอาหารอื่นอีกเล็กน้อย
เริ่มไม่เพียงพอเสียแล้ว
ด้วยวัยที่กำลังซุกซน
กำลังเรียนรู้
และกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นมากมาย
ทำให้ลูกต้องการสารอาหารเพิ่มขึ้น
อาหารจึงต้องเข้ามามีบทบาทต่อการเจริญเติบโตของลูกอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
นับว่าเป็นเวลาที่พอเหมาะพอดี
เพราะในช่วงอายุนี้ร่างกายของลูกได้สร้างน้ำย่อยสำหรับย่อยอาหารอื่นๆ
ที่นอกเหนือไปจากน้ำนมแม่ได้แล้ว
รวมทั้งกล้ามเนื้อสำหรับการบดเคี้ยวและการกลืนก็พร้อมที่จะฝึกการทำงาน ฟันลูกก็เริ่มดันเหงือกขึ้นมาแล้ว ลูกพร้อมที่จะรับอาหารแทนนมแม่ 1 มื้อ
และเป็นเรื่องที่ดีที่แม่ได้เฝ้าฝึกให้ลูกได้เรียนรู้ถึงรสชาติอาหารชนิดต่างๆมาบ้างแล้ว การให้อาหารจึงเป็นเรื่องง่ายๆสบายๆ
เมื่อเริ่มให้อาหารลูก ควรให้อาหารแบบเดิมไปสัก 5-7 วัน
เพื่อให้ลูกได้รับรู้รสชาติของอาหารแต่ละอย่างเสียก่อน
และยังเป็นการทดสอบว่าลูกแพ้อาหารชนิดนั้นๆหรือเปล่า หากมีอาการแพ้แสดงออกมาแม่ก็จะรู้ได้ จากนั้นจึงเปลี่ยนชนิดของอาหาร เมื่อแม่เริ่มให้อาหารแก่ลูก ต้องไม่ลืมว่าเป็นเรื่องใหม่ที่ร่างกายลูกจะต้องปรับตัว จึงควรค่อยเป็นค่อยไป อาหารเสริมควรเป็นอาหารอ่อนๆ กระเพาะของลูกยังใหม่ต่ออาหารเหล่านี้อยู่
อายุ 6
เดือน ลูกเริ่มนั่งได้
ทำให้แม่สามารถจัดที่นั่งสำหรับเด็กบนโต๊ะอาหาร เพื่อฝึกให้ลูกกินอาหารจากช้อน ขณะป้อน
ลูกอาจจะแย่งช้อนจากมือแม่เพื่อจะกินเอง
เพราะลูกรู้สึกว่ามันน่าจะสนุกกว่าถ้าจะได้ถือช้อนกินเอง
ในเวลาอาหารหลายครั้งจึงต้องเกิดการหกเลอะตัวลูกหรือโต๊ะกินข้าว แต่ก็คุ้ม
เพราะเมื่อลูกโตขึ้นกว่านี้เขาจะสามารถช่วยตัวเองได้ แม่อาจลดการยื้อแย่งช้อนของลูก ด้วยการหาผักผลไม้ เช่น แครอท
แตงกว่า ฝรั่ง ฯลฯ
หั่นเป็นแท่งยาวพอเหมาะกับมือของลูกให้ลูกถือ
แม่ถือโอกาสนี้ฝึกให้ลูกดื่มนมจากถ้วยไปพร้อมๆกันได้เลย และค่อยๆให้ลูกเลิกกินนมจากขวดไปด้วย
และถ้าแม่ใจเข็งพอที่ฝึกให้ลูกเลิกกินนมตอนกลางคืน ก็เริ่มได้เลยเช่นกัน
อาหารของลูกในช่วงวัยนี้ยังต้องบดละเอียดอยู่ เพราะฟันของลูกเพิ่งจะเริ่มขึ้น แต่ไม่ต้องเหลวเป็นน้ำ ให้เป็นอาหารที่มีลักษณะกึ่งแข็งกึ่งเหลว
อาจเป็นข้าวบดใส่ปลาช่อนกินกับซุปผักตำลึงบด
หรือข้าวบดกับหมูสับละเอียดกินกับซุปฟักทองบด แล้วเปลี่ยนเป็นเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆสลับกันไป
เพื่อลูกจะได้รับสารอาหารหลากหลายและได้รู้รสชาติของอาหารชนิดต่างๆ โดยในวัยนี้ลูกกินเนื้อสัตว์ได้ถึง 1
ช้อนโต๊ะ หรือไข่แดงต้มสุก 1
ฟอง จัดผักหมุนเวียน เช่น ฟักทอง
แครอท กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี
ฯลฯ ให้กับลูกด้วย ตอนนี้ลูกกินอาหารได้ถึง 1 ถ้วยแทนนม
1 มื้อ ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว จัดหาผลไม้สุกที่เนื้อนุ่มย่อยง่าย เช่น
มะละกอสุก มะม่วงสุก ขูดเนื้อ
หรือกล้วยน้ำว่าสุกครูดเอาแต่เนื้อผสมน้ำให้เหลวลงเพื่อลูกจะได้กลืนได้ง่าย หรือผลไม้อื่นๆเป็นอาหารว่าง 1 มื้อ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าลูกจะอายุ 6 เดือนแล้ว
แต่ถ้าลูกไม่พร้อมรับประทานอาหาร
เช่นลูกไม่ยอมกลืน อมข้าว หรือบ้วนข้าวทิ้ง ก็ไม่ต้องไปบังคับ หยุดให้อาหารไปก่อน อีก 2-3
วันค่อยลองเริ่มต้นใหม่
ลูกอาจจะยังไม่พร้อม
ไม่ชินกับอาหาร
หรือลูกยังอาลัยอาวรณ์นมแม่อยู่ หรือร่างกายของลูก ลิ้นสัมผัสรสอาหาร ยังไม่พร้อม
แต่อย่างไรก็ตาม
ในที่สุดลูกจะยอมรับอาหารได้เอง
ขอให้แม่ใจเย็นๆ
อีกอย่างที่แม่ควรทำความเข้าใจและตระหนักว่า
ให้เวลาแห่งการกินอาหารของลูกเป็นเรื่องง่ายๆสบายๆ เพื่อทั้งแม่และลูกจะได้ไม่เครียด ฉะนั้นให้เลือกเวลาที่แม่สะดวกไม่เร่งรีบ แม่จะได้ค่อยๆป้อนอย่างใจเย็น ลูกจะได้กินอย่างสบายๆ บรรยากาศไม่เคร่งเครียด ให้อาหารแก่ลูกในเวลาเดียวกันทุกๆวัน เช่น
เวลา 10 โมงเช้า
หรือเที่ยงของวัน หรือตอนเย็น หากแม่ต้องทำงานในเวลากลางวัน
เพราะลูกเองก็ต้องปรับตัวและปรับเวลาสำหรับกิจวัตรใหม่นี้เช่นกัน
การปรุงอาหารให้ลูกไม่ควรปรุงรสอาหารมาก ไม่ต้องใช้เกลือมาก เพราะไตของลูกยังไม่พร้อมทำงานหนัก ให้รสชาติของอาหารมาจากอาหารที่สดใหม่จะดีกว่า
ถ้ากลัวว่าลูกจะแพ้อาหารทะเล ก็ให้เริ่มจากปลาน้ำจืดก่อน เช่น
ปลาช่อน ปลาเนื้ออ่อน ปลานิล ฯลฯ
แม้ว่าลูกจะโตพอที่จะกินอาหารหลักได้ 1
มื้อแล้ว
แต่มื้ออื่นๆที่เหลือยังคงเป็นการให้นมแม่เช่นเดิม ในน้ำนมแม่ยังคงมีสารอาหารที่ดีและเป็นประโยชน์กับลูกอย่างอเนกอนันต์น้ำนมแม่จึงยังมีความจำเป็นกับลูก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น